DeletedUser
Guest
ผมเป็นคนนึงที่สนใจในเรื่องสงคราม แต่ก็ลืมๆไปบ้างแล้วตามอายุ
โดยเฉพาะสงครามโลกครั้งที่2 ที่ส่งผลไปทั่วทั้งโลกอย่างแท้จริง
ข้อความที่ผมนำมานี้ พอดีไปอ่านมาจาก wikipedia ครับ เนื้อหาอาจจะเหมือนตำราเรียน แต่ละเอียดน่าเชื่อถือ
สงครามโลกครั้งที่สอง (อังกฤษ: World War II หรือ Second World War มักย่อว่า WWII หรือ WW2)
เป็นความขัดแย้งทางทหารในระดับโลก ซึ่งเกี่ยวข้องกับประเทศส่วนใหญ่ รวมทั้งรัฐมหาอำนาจทั้งหมด ประเทศผู้ร่วมสงครามรวมตัวกันเป็นพันธมิตรทางทหารสองฝ่ายอันเป็นคู่ขัดแย้ง
นั่นคือฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายอักษะ ระหว่างสงครามมีการระดมกำลังทหารมากกว่า 100 ล้านนาย ด้วยลักษณะของ "สงครามเบ็ดเสร็จ" ประเทศมหาอำนาจผู้ร่วมสงครามได้ทุ่มเทขีดความสามารถทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์เพื่อการสงครามทั้งหมด โดยไม่แบ่งแยกทรัพยากรว่าเป็นของพลเรือนหรือทหาร ประมาณกันว่าสงครามมีมูลค่าราว 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยประการทั้งปวง สงครามโลกครั้งที่สองจึงนับว่าเป็นสงครามขนาดใหญ่ที่สุด ใช้เงินทุนมากที่สุด และนองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
ลำัดับเหตุการณ์
เดือนกันยายน 1939
1: การรุกรานโปแลนด์เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 4.40 น. นำโดยกองทัพอากาศเยอรมัน ได้โจมตีเป้าหมายหลายแห่งในโปแลนด์ เมืองคาร์คอฟ วูดช์ และกรุงวอร์ซอว์ถูกโจมตีทางอากาศ
1: เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย นอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์และฟินแลนด์ประกาศวางตัวเป็นกลางในสงคราม
1: รัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักรประกาศระดมพล และเตรียมแผนการตั้งรับกองทัพอากาศเยอรมัน
แผนที่แสดงการรุกรานโปแลนด์ในบริบทของทวีปยุโรปในช่วงต้นของสงครามโลกครั้งที่สอง
เยอรมนีและสโลวาเกียโจมตีมาจากทางตะวันตก (สีฟ้า); สหภาพโซเวียตโจมตีมาจากทางทิศตะวันออก (สีชมพู)
2: สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสได้ยื่นคำขาดต่อเยอรมนีให้ถอนทหารออกจากโปแลนด์ มุสโสลินีประกาศว่าอิตาลีจะวางตัวเป็นกลาง รวมไปถึงไอร์แลนด์ ส่วนรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ประกาศระดมพล
2: เขตปกครองตัวเองดานซิกถูกยึดครองโดยเยอรมนี
2: พระราชบัญญัติรับราชการทหารแห่งปี 1939 มีผลบังคับใช้ทันที และเกณฑ์ชายชาวอังกฤษทุกคนซึ่งมีอายุระหว่าง 18-41 ปี
เบนีโต มุสโสลีนี
3: เมื่อ 11.15 น. เนวิลล์ เชมเบอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ประกาศผ่านทางสถานีวิทยุบีบีซีว่า เส้นตายที่กำนหดให้เยอรมนีถอนตัวออกจากโปแลนด์ได้สิ้นสุดลงเมื่อ 11.00 น. และกล่าวว่า "เพราะฉะนั้นเราจึงอยู่ในภาวะสงครามกับเยอรมนี" เมื่อ 12.30 น. รัฐบาลฝรั่งเศสได้ยื่นคำขาดครั้งสุดท้ายอีกครั้ง ซึ่งจะหมดเขตเมื่อ 15.00 น.
ทางด้านออสเตรเลีย อินเดียและนิวซีแลนด์ก็ประกาศสงครามกับเยอรมนีพร้อมกับอังกฤษด้วย
3: เนวิลล์ เชมเบอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษจัดตั้งคณะมนตรีสงคราม
3: เรือเดินสมุทร แอดเบนเนีย (Atbenia) ถูกเรือดำน้ำ อู-30 ของเยอรมนีจม เนื่องจากถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเรือช่วยตรวจการของอังกฤษ มีผู้เสียชีวิต 110 ราย
เนวิลล์ เชมเบอร์แลนด์
4: 8.00 น.ตามเวลาของนิวฟันด์แลนด์ นิวฟันแลนด์ประกาศสงครามกับเยอรมนี
4: ญี่ปุ่นได้วางตัวเป็นกลางต่อสถานการณ์ในทวีปยุโรป
4: เครื่องบินทิ้งระเบิดของอังกฤษเข้าโจมตีเรือรบเยอรมนีบริเวณตอนตะวันตกเฉียง เหนือของเยอรมนี แต่รัฐบาลยังไม่อนุญาตให้โจมตีที่หมายภายในดินแดนเยอรมนี
5: นายกรัฐมนตรีของแอฟริกาใต้ แบร์รี่ เฮอร์ซอก ประสบความล้มเหลวในการหาเสียงสนับสุนในการประกาศวางตัวเป็นกลาง และถูกขับไล่โดย แจน สมุทส์
5: สหรัฐอเมริกาประกาศวางตัวเป็นกลาง
6: แอฟริกาใต้ประกาศสงครามกับเยอรมนี
6: กองทัพเยอรมนีรุกเข้าถึงเมืองคาร์คอฟ ทางตอนใต้ของโปแลนด์ โปแลนด์กำลังอยู่ในช่วงการถอยทัพครั้งใหญ่
7: ฝรั่งเศสเริ่มการโจมตีโดยบุกเข้าไปในอาณาเขตของเยอรมนีใกล้กับเมืองหลวงของแคว้นซาร์แลนด์
7: สหราชอาณาจักรออกพระราชบัญญัติว่าด้วยการขึ้นทะเบียนแห่งชาติ เริ่มใช้บัตรประชาชน รัฐบาลมีอำนาจในการเกณฑ์แรงงาน
7: สหราชอาณาจักรเริ่มภารกิจคุ้มกันกองเรือพาณิชย์เป็นครั้งแรกเพื่อป้องกันการโจมตีจากเรือดำน้ำเยอรมัน
8: รัฐบาลสหราชอาณาจักรประกาศระบบคุ้มกันเรือพาณิชย์อีกครั้ง และกีดกันเรือสินค้าของเยอรมนีอย่างเต็มที่
8: กองพลที่ 10 แห่งเยอรมนี ภายใต้การนำของนายพลวอลเทอร์ วอน ไรเชนนาว รุกคืบถึงขอบกรุงวอร์ซอว์ของโปแลนด์ กองพลที่ 14 โดยนายพลวิลเฮล์ม ลิสท์รุกถึงแม่น้ำซาน และกองพันแพนเซอร์ของนายพลไฮนส์ กูเดอเรี่ยน รุกถึงแม่น้ำบั๊ก ทางตะวันออกของกรุงวอร์ซอว์
เครื่องบินทิ้งระเบิดเยอรมันทิ้งระเบิดเหนือกรุงวอร์ซอ
9: กองทัพฝรั่งเศสบุกเข้าไปในแคว้นซาร์ในเยอรมนีเป็นระยะทางกว่า 8 ไมล์
9: ทหารโปแลนด์จำนวน 10 กรม เข้าโจมตีตอบโต้กองพลที่ 8 ของเยอรมนีบริเวณแม่น้ำบาซูร่า
10: แคนาดาประกาศสงครามกับเยอรมนี
10: กองทัพหลักของอังกฤษยกพลขึ้นบกที่ฝรั่งเศสเพื่อช่วยรบต่อต้านเยอรมนี นำโดย นายพล ลอร์ด โกร์ท มีจำนวนทหาร 160,000 นาย พร้อมยานพาหนะ 24,000 คัน
11: ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินอินเดีย ลอร์ดลินลิธโกว์ประกาศต่อสภานิติบัญญัติทั้งสองของอินเดีย (สภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดินและที่ประชุมสภานิติบัญญัติ) ว่าเนื่องจากการเข้าร่วมสงคราม การวางแผนการจัดตั้งสหพันธรัฐอินเดียจึงถูกเลื่อนออกไป
12: นายพลเกมลินได้ออกคำสั่งหยุดการเคลื่อนทัพเข้าโจมตีเยอรมนี
13: ฝรั่งเศสจัดตั้งคณะมนตรีสงคราม
14: เรือรบหลวง อาร์ค รอแยล เรือบรรทุกเครื่องบินของอังกฤษถูกเรือดำน้ำโจมตี แต่สามารถหลบหนีมาได้
16: กองทัพเยอรมนีโอบล้อมกรุงวอร์ซอว์ เมืองหลวงของโปแลนด์
17: สหภาพโซเวียตรุกเข้าสู่โปแลนด์ทางด้านตะวันออก และได้ยึดครองพื้นที่ทางด้านตะวันออกของเส้นคูร์ซอน และแคว้นกาซิเลียตะวันออก
17: เรือบรรทุกเครื่องบินของอังกฤษ เรือหลวง คอร์เรจเจส ถูกเรือ U-29 จมในระหว่างปฏิบัติการลาดตระเวณล่าทำลายเรือดำน้ำ นอกชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของไอร์แลนด์ ซึ่งส่งผลให้กองทัพเรือสหราชอาณาจักรสั่งถอนเรือบรรทุกเครื่องบินทั้งหมดออก จากภารกิจเสี่ยงอันตราย เพื่อรักษาเรืออันทรงคุณค่านี้ไว้ใช้ในภารกิจอื่น
18: รัฐบาลโปแลนด์และหน่วยงานระดับสูงลี้ภัยไปยังโรมาเนีย รัฐบาลพลัดถิ่นถูกตั้งขึ้น ทหารจำนวนมากหนีไปเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร โปแลนด์ถูกแบ่งเป็นสองส่วนโดยเยอรมนีและสหภาพโซเวียต ความเป็นกลางของเอสโตเนียถูกตั้งคำถามโดยเยอรมนีและสหภาพโซเวียต เนื่องจากให้ที่พักแก่เรือดำน้ำโปแลนด์
19: กองทัพเยอรมนีและโซเวียตบรรจบกันใกล้เมืองเบรสท์ ลิตอฟส์
19: กองทัพโซเวียตเข้าปิดล้อมเมืองท่าทาลลินน์ เมืองหลวงของเอสโตเนีย
21: นายกรัฐมนตรีแห่งโรมาเนีย Armand Calinescu ถูกพวกฟาสซิสต์ในพื้นที่นาม "ผู้พิทักษ์เหล็ก" (Iron Guard) ลอบสังหาร
24: กองทัพอากาศโซเวียตละเมิดน่านฟ้าของเอสโตเนีย ผู้แทนเอสโตเนียเดินทางไปเจรจากับโมโลตอฟในกรุงมอสโก โดยโมโลตอฟขู่ว่าสหภาพโซเวียตจะดำเนินการอย่างรุนแรงหากเอสโตเนียไม่ยอมให้ มีการตั้งฐานทัพโซเวียตในดินแดนเอสโตเนีย
25: ประเทศเยอรมนีเริ่มการปันส่วนอาหาร
26: หลังจากการระดมยิงปืนใหญ่ ทหารเยอรมนีเข้าตีกรุงวอร์ซอว์
26: เครื่องบินทิ้งระเบิดของโซเวียตบินเหนือน่านฟ้าเมืองทาลลินน์
27: ปืนใหญ่แห่งแนวซิกฟรีดเปิดฉากระดมยิงหมู่บ้านในประเทศฝรั่งเศสเบื้องหลังแนวมากิโนต์
28: กองทัพส่วนที่เหลือและทหารชาวบ้านของโปแลนด์ยอมแพ้ที่กรุงวอร์ซอว์
28: กองทัพโซเวียตประชิดชายแดนลัตเวีย น่านฟ้าลัตเวียถูกละเมิด
28: สนธิสัญญามิตรภาพและพรมแดนระหว่างเยอรมนี-โซเวียตได้รับการลงนามโดยโมโลตอฟและริบเบนทรอป โดยมีภาคผนวกลับที่เปลี่ยนแปลงการปักปันดินแดนที่เคยตกลงกันไว้ในสนธิสัญญาโมโลตอฟ-ริบเบนทรอป โดยยกลิทัวเนียให้แก่สหภาพโซเวียต แต่เยอรมนีจะได้รับดินแดนในโปแลนด์มากขึ้น
29: เอสโตเนียยอมเซ็นสัญญาความช่วยเหลือร่วมกันกับสหภาพโซเวียตเป็นเวลา 10 ปี ซึ่งอนุญาตให้มีทหารโซเวียตประจำในแลตเวียจำนวน 30,000 นาย ซึ่งเป็นของตอบแทนสตาลินที่ให้คำมั่นว่าจะธำรงเอกราชของแลตเวีย
29: โซเวียตเริ่มแผ่กำลังเข้าควบคุมคาบสมุทรบอลติกเพื่อระวังการรุกรานของนาซี
ยังไม่จบครับ แต่ขอทยอยลงทีละเดือนก่อน
รายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%87
โดยเฉพาะสงครามโลกครั้งที่2 ที่ส่งผลไปทั่วทั้งโลกอย่างแท้จริง
ข้อความที่ผมนำมานี้ พอดีไปอ่านมาจาก wikipedia ครับ เนื้อหาอาจจะเหมือนตำราเรียน แต่ละเอียดน่าเชื่อถือ
สงครามโลกครั้งที่สอง (อังกฤษ: World War II หรือ Second World War มักย่อว่า WWII หรือ WW2)
เป็นความขัดแย้งทางทหารในระดับโลก ซึ่งเกี่ยวข้องกับประเทศส่วนใหญ่ รวมทั้งรัฐมหาอำนาจทั้งหมด ประเทศผู้ร่วมสงครามรวมตัวกันเป็นพันธมิตรทางทหารสองฝ่ายอันเป็นคู่ขัดแย้ง
นั่นคือฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายอักษะ ระหว่างสงครามมีการระดมกำลังทหารมากกว่า 100 ล้านนาย ด้วยลักษณะของ "สงครามเบ็ดเสร็จ" ประเทศมหาอำนาจผู้ร่วมสงครามได้ทุ่มเทขีดความสามารถทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์เพื่อการสงครามทั้งหมด โดยไม่แบ่งแยกทรัพยากรว่าเป็นของพลเรือนหรือทหาร ประมาณกันว่าสงครามมีมูลค่าราว 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยประการทั้งปวง สงครามโลกครั้งที่สองจึงนับว่าเป็นสงครามขนาดใหญ่ที่สุด ใช้เงินทุนมากที่สุด และนองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
ลำัดับเหตุการณ์
เดือนกันยายน 1939
1: การรุกรานโปแลนด์เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 4.40 น. นำโดยกองทัพอากาศเยอรมัน ได้โจมตีเป้าหมายหลายแห่งในโปแลนด์ เมืองคาร์คอฟ วูดช์ และกรุงวอร์ซอว์ถูกโจมตีทางอากาศ
1: เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย นอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์และฟินแลนด์ประกาศวางตัวเป็นกลางในสงคราม
1: รัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักรประกาศระดมพล และเตรียมแผนการตั้งรับกองทัพอากาศเยอรมัน
แผนที่แสดงการรุกรานโปแลนด์ในบริบทของทวีปยุโรปในช่วงต้นของสงครามโลกครั้งที่สอง
เยอรมนีและสโลวาเกียโจมตีมาจากทางตะวันตก (สีฟ้า); สหภาพโซเวียตโจมตีมาจากทางทิศตะวันออก (สีชมพู)
2: สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสได้ยื่นคำขาดต่อเยอรมนีให้ถอนทหารออกจากโปแลนด์ มุสโสลินีประกาศว่าอิตาลีจะวางตัวเป็นกลาง รวมไปถึงไอร์แลนด์ ส่วนรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ประกาศระดมพล
2: เขตปกครองตัวเองดานซิกถูกยึดครองโดยเยอรมนี
2: พระราชบัญญัติรับราชการทหารแห่งปี 1939 มีผลบังคับใช้ทันที และเกณฑ์ชายชาวอังกฤษทุกคนซึ่งมีอายุระหว่าง 18-41 ปี
เบนีโต มุสโสลีนี
3: เมื่อ 11.15 น. เนวิลล์ เชมเบอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ประกาศผ่านทางสถานีวิทยุบีบีซีว่า เส้นตายที่กำนหดให้เยอรมนีถอนตัวออกจากโปแลนด์ได้สิ้นสุดลงเมื่อ 11.00 น. และกล่าวว่า "เพราะฉะนั้นเราจึงอยู่ในภาวะสงครามกับเยอรมนี" เมื่อ 12.30 น. รัฐบาลฝรั่งเศสได้ยื่นคำขาดครั้งสุดท้ายอีกครั้ง ซึ่งจะหมดเขตเมื่อ 15.00 น.
ทางด้านออสเตรเลีย อินเดียและนิวซีแลนด์ก็ประกาศสงครามกับเยอรมนีพร้อมกับอังกฤษด้วย
3: เนวิลล์ เชมเบอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษจัดตั้งคณะมนตรีสงคราม
3: เรือเดินสมุทร แอดเบนเนีย (Atbenia) ถูกเรือดำน้ำ อู-30 ของเยอรมนีจม เนื่องจากถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเรือช่วยตรวจการของอังกฤษ มีผู้เสียชีวิต 110 ราย
เนวิลล์ เชมเบอร์แลนด์
4: 8.00 น.ตามเวลาของนิวฟันด์แลนด์ นิวฟันแลนด์ประกาศสงครามกับเยอรมนี
4: ญี่ปุ่นได้วางตัวเป็นกลางต่อสถานการณ์ในทวีปยุโรป
4: เครื่องบินทิ้งระเบิดของอังกฤษเข้าโจมตีเรือรบเยอรมนีบริเวณตอนตะวันตกเฉียง เหนือของเยอรมนี แต่รัฐบาลยังไม่อนุญาตให้โจมตีที่หมายภายในดินแดนเยอรมนี
5: นายกรัฐมนตรีของแอฟริกาใต้ แบร์รี่ เฮอร์ซอก ประสบความล้มเหลวในการหาเสียงสนับสุนในการประกาศวางตัวเป็นกลาง และถูกขับไล่โดย แจน สมุทส์
5: สหรัฐอเมริกาประกาศวางตัวเป็นกลาง
6: แอฟริกาใต้ประกาศสงครามกับเยอรมนี
6: กองทัพเยอรมนีรุกเข้าถึงเมืองคาร์คอฟ ทางตอนใต้ของโปแลนด์ โปแลนด์กำลังอยู่ในช่วงการถอยทัพครั้งใหญ่
7: ฝรั่งเศสเริ่มการโจมตีโดยบุกเข้าไปในอาณาเขตของเยอรมนีใกล้กับเมืองหลวงของแคว้นซาร์แลนด์
7: สหราชอาณาจักรออกพระราชบัญญัติว่าด้วยการขึ้นทะเบียนแห่งชาติ เริ่มใช้บัตรประชาชน รัฐบาลมีอำนาจในการเกณฑ์แรงงาน
7: สหราชอาณาจักรเริ่มภารกิจคุ้มกันกองเรือพาณิชย์เป็นครั้งแรกเพื่อป้องกันการโจมตีจากเรือดำน้ำเยอรมัน
8: รัฐบาลสหราชอาณาจักรประกาศระบบคุ้มกันเรือพาณิชย์อีกครั้ง และกีดกันเรือสินค้าของเยอรมนีอย่างเต็มที่
8: กองพลที่ 10 แห่งเยอรมนี ภายใต้การนำของนายพลวอลเทอร์ วอน ไรเชนนาว รุกคืบถึงขอบกรุงวอร์ซอว์ของโปแลนด์ กองพลที่ 14 โดยนายพลวิลเฮล์ม ลิสท์รุกถึงแม่น้ำซาน และกองพันแพนเซอร์ของนายพลไฮนส์ กูเดอเรี่ยน รุกถึงแม่น้ำบั๊ก ทางตะวันออกของกรุงวอร์ซอว์
เครื่องบินทิ้งระเบิดเยอรมันทิ้งระเบิดเหนือกรุงวอร์ซอ
9: กองทัพฝรั่งเศสบุกเข้าไปในแคว้นซาร์ในเยอรมนีเป็นระยะทางกว่า 8 ไมล์
9: ทหารโปแลนด์จำนวน 10 กรม เข้าโจมตีตอบโต้กองพลที่ 8 ของเยอรมนีบริเวณแม่น้ำบาซูร่า
10: แคนาดาประกาศสงครามกับเยอรมนี
10: กองทัพหลักของอังกฤษยกพลขึ้นบกที่ฝรั่งเศสเพื่อช่วยรบต่อต้านเยอรมนี นำโดย นายพล ลอร์ด โกร์ท มีจำนวนทหาร 160,000 นาย พร้อมยานพาหนะ 24,000 คัน
11: ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินอินเดีย ลอร์ดลินลิธโกว์ประกาศต่อสภานิติบัญญัติทั้งสองของอินเดีย (สภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดินและที่ประชุมสภานิติบัญญัติ) ว่าเนื่องจากการเข้าร่วมสงคราม การวางแผนการจัดตั้งสหพันธรัฐอินเดียจึงถูกเลื่อนออกไป
12: นายพลเกมลินได้ออกคำสั่งหยุดการเคลื่อนทัพเข้าโจมตีเยอรมนี
13: ฝรั่งเศสจัดตั้งคณะมนตรีสงคราม
14: เรือรบหลวง อาร์ค รอแยล เรือบรรทุกเครื่องบินของอังกฤษถูกเรือดำน้ำโจมตี แต่สามารถหลบหนีมาได้
16: กองทัพเยอรมนีโอบล้อมกรุงวอร์ซอว์ เมืองหลวงของโปแลนด์
17: สหภาพโซเวียตรุกเข้าสู่โปแลนด์ทางด้านตะวันออก และได้ยึดครองพื้นที่ทางด้านตะวันออกของเส้นคูร์ซอน และแคว้นกาซิเลียตะวันออก
17: เรือบรรทุกเครื่องบินของอังกฤษ เรือหลวง คอร์เรจเจส ถูกเรือ U-29 จมในระหว่างปฏิบัติการลาดตระเวณล่าทำลายเรือดำน้ำ นอกชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของไอร์แลนด์ ซึ่งส่งผลให้กองทัพเรือสหราชอาณาจักรสั่งถอนเรือบรรทุกเครื่องบินทั้งหมดออก จากภารกิจเสี่ยงอันตราย เพื่อรักษาเรืออันทรงคุณค่านี้ไว้ใช้ในภารกิจอื่น
18: รัฐบาลโปแลนด์และหน่วยงานระดับสูงลี้ภัยไปยังโรมาเนีย รัฐบาลพลัดถิ่นถูกตั้งขึ้น ทหารจำนวนมากหนีไปเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร โปแลนด์ถูกแบ่งเป็นสองส่วนโดยเยอรมนีและสหภาพโซเวียต ความเป็นกลางของเอสโตเนียถูกตั้งคำถามโดยเยอรมนีและสหภาพโซเวียต เนื่องจากให้ที่พักแก่เรือดำน้ำโปแลนด์
19: กองทัพเยอรมนีและโซเวียตบรรจบกันใกล้เมืองเบรสท์ ลิตอฟส์
19: กองทัพโซเวียตเข้าปิดล้อมเมืองท่าทาลลินน์ เมืองหลวงของเอสโตเนีย
21: นายกรัฐมนตรีแห่งโรมาเนีย Armand Calinescu ถูกพวกฟาสซิสต์ในพื้นที่นาม "ผู้พิทักษ์เหล็ก" (Iron Guard) ลอบสังหาร
24: กองทัพอากาศโซเวียตละเมิดน่านฟ้าของเอสโตเนีย ผู้แทนเอสโตเนียเดินทางไปเจรจากับโมโลตอฟในกรุงมอสโก โดยโมโลตอฟขู่ว่าสหภาพโซเวียตจะดำเนินการอย่างรุนแรงหากเอสโตเนียไม่ยอมให้ มีการตั้งฐานทัพโซเวียตในดินแดนเอสโตเนีย
25: ประเทศเยอรมนีเริ่มการปันส่วนอาหาร
26: หลังจากการระดมยิงปืนใหญ่ ทหารเยอรมนีเข้าตีกรุงวอร์ซอว์
26: เครื่องบินทิ้งระเบิดของโซเวียตบินเหนือน่านฟ้าเมืองทาลลินน์
27: ปืนใหญ่แห่งแนวซิกฟรีดเปิดฉากระดมยิงหมู่บ้านในประเทศฝรั่งเศสเบื้องหลังแนวมากิโนต์
28: กองทัพส่วนที่เหลือและทหารชาวบ้านของโปแลนด์ยอมแพ้ที่กรุงวอร์ซอว์
28: กองทัพโซเวียตประชิดชายแดนลัตเวีย น่านฟ้าลัตเวียถูกละเมิด
28: สนธิสัญญามิตรภาพและพรมแดนระหว่างเยอรมนี-โซเวียตได้รับการลงนามโดยโมโลตอฟและริบเบนทรอป โดยมีภาคผนวกลับที่เปลี่ยนแปลงการปักปันดินแดนที่เคยตกลงกันไว้ในสนธิสัญญาโมโลตอฟ-ริบเบนทรอป โดยยกลิทัวเนียให้แก่สหภาพโซเวียต แต่เยอรมนีจะได้รับดินแดนในโปแลนด์มากขึ้น
29: เอสโตเนียยอมเซ็นสัญญาความช่วยเหลือร่วมกันกับสหภาพโซเวียตเป็นเวลา 10 ปี ซึ่งอนุญาตให้มีทหารโซเวียตประจำในแลตเวียจำนวน 30,000 นาย ซึ่งเป็นของตอบแทนสตาลินที่ให้คำมั่นว่าจะธำรงเอกราชของแลตเวีย
29: โซเวียตเริ่มแผ่กำลังเข้าควบคุมคาบสมุทรบอลติกเพื่อระวังการรุกรานของนาซี
ยังไม่จบครับ แต่ขอทยอยลงทีละเดือนก่อน
รายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%87